หลังจากห่างหายจากการเขียนบทความมานานแสนนาน...มากๆ
หรือเรียกว่าไม่ได้แตะเลย บางครั้งก็อยากเล่าสิ่งทีี่พึ่งเกิดขึ้น...
อย่างน่าตกใจ
เหตุผลการเดินจากไปของชีวิต การลดความรู้สึกที่เอาออกไม่ได้ หรือเรียกว่า
การฆ่าตัวตาย การปลดปล่อยตัวเองออกจากสิ่งที่อยู่ ณ จุดๆนี้
======================== เกริ่นมาขนาดนี้เราจะขอไม่กล่าวว่าทำไมถึงพิมพ์สิ่งนี้ออกมา แน่นอนมันมีที่มาที่ไปที่อยากจะเล่า
ความรู้สึกแรก... ทำไมบางคนถึงเลือกที่จะจากโลกนี้ไปอย่างง่ายดาย
ชั่ววูบงั้นรึ? หรืออื่นๆ นั่นไม่ใช่หรอก มันมีเหตุผลแน่นอน...
จากความรู้สึกที่ประสบมา
ซึ่งไม่รู้จะทดแทนความรู้สึกของใครได้ไหม การที่เราตัดสินใจเดินทางไปสู่ความว่างเปล่าซึ่งเป็นสิ่งที่คนทั่วไปอาจจะกลัวเพราะมันคือสิ่งที่ไม่รู้... แต่สำหรับบางคนนั้น
การไม่รู้สึกอะไรเลยย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่า และนั่นล่ะจึงเป็นที่มาของความสวยงามของความว่างเปล่าหรือโลกหลังความตายนั่นเอง
โอ้..พิมพ์มาขนาดนี้ จะมีใครห่วงอะไรกะเราไหม? ขอบอกเลยไม่ต้องห่วงเรายังคงมีเครื่องค้ำจุนตนเองอยู่.....ดังนั้นมิต้องห่วง...
กล่าวมาถึงตรงนี้
จะเล่าให้ฟังว่าทำไมบางคนถึงเลือกจะไปสู่ความว่างเปล่านั้นซึ่งสวยงามจังเลย...♥
เราขอใช้ความคิดส่วนตัวมาประกอบนะซึ่งไม่รู้จะตรงใจใครไหม
อย่างที่เราบอกก่อนหน้า "การไม่รู้สึกอะไรเลยย่อมดีกว่า"
ในภาวะของคนที่ต้องการเดินไปสู่ความว่างเปล่า ทำไมถึงมีความคิดนี้ออกมา
ใช่แล้ว..ความรู้สึกมีหลากหลายมากมาย ทั้งดีใจและเสียใจ
ทั้งสุขและทุกข์ ทั้งอื่นๆมีให้เลือกสรร
แต่สำหรับบางคนการที่ต้องวกวนอยู่กับความรู้สึกจุกในอกพูดไม่ได้คายไม่ออก
ทั้งที่พูดออกไปก็อาจจะได้คำตอบเดิมๆที่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย
อีกทั้งอาจแสดงความอ่อนแอที่บางคนหรือบางกลุ่มอาจมองว่าน่าสมเพชได้รวมถึงตัวผู้แสดงเองอาจจะรังเกลียดด้วย
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ความรู้สึกนี้ยังคงวกวนและจุกในอกเสมอเพราะเราไม่สามารถแสดงอะไรออกมาได้เลย...มันจึงเป็นที่มาว่า
"อย่าได้รู้สึกอีกเลย" จนนำไปสู่เห็นความสวยงามของความว่างเปล่าเบื้องหน้า
การไม่รู้สึก ไม่รับรู้ ไม่ต้องเข้าใจอะไร นั่นคือทางออกที่ดีที่สุด...
ใช่แล้ว..คือทางออกที่ดีที่สุด...
เป็นทางออกที่สมเหตุผลที่สุดและตัดสินใจดีที่สุดในการเดินทางนั่นเอง
มันจึงทำให้เกิด...ความว่างเปล่าที่สวยงาม...
มันจะสว่างหรือมืดเราก็ไม่รู้
มันจึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจในการเดินทางสำหรับผู้ไม่อยากรู้สึกอะไรอีกต่อ...
==========================================================================================
พูดถึงขนาดนี้...พิมพ์ถึงขนาดนี้ ถามตัวแนนหรือเรานั้นเข้าใจอะไรไหม?
เราอาจไม่ถึงจุดที่อยากส่องความสวยงามนั้น
แต่เราเคยได้รับรู้ความรู้สึกนั้น
ความรู้สึกที่ว่า "อย่าได้รู้สึกอะไรอีกเลย" ทุกสิ่งทุกอย่างมันจุกในอก
จะพูดก็ไม่ได้จะคายก็ไม่ได้
ความรู้สึกทีวกวนคือการจมดิ่งถึงเหตุความล้มเหลวในช่วงชีวิตที่ผ่านมา
เหตุผลที่เกิดขึ้นในหัว "ทำไม? และทำไม?"
คำถามมากมายที่ขึ้นต้นด้วยทำไมในในที่สุดก็ ลงเอยด้วย
"ทำไมต้องรู้สึกทำไมต้องอยู่ต่อ" จวบจนเวลานั้นเกิดขึ้น...
ความรู้สึกปรางอยากจะหายานอนหลับเป็นกำมือมาทาน
จะสื่อสารกับใครก็คงจะมีหลายเหตุผลหลายสิบคำพูด ไม่มีจุดที่ลงตัวแน่นอน
ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้น ตอนนัั้นคือการปล่อย "โฮ"
อย่างรุนแรงฟูมฟายอย่างเงียบๆอย่างไร้เหตุและผล...จุดปิดก๊อก...ที่ตอนเราและทุกคนวัยเด็กได้เคยกระทำมา
เราเจ็บเราก็ร้อง เราป่วยเราก็๋ร้อง เราอยากมีชีวิตเราก็ร้อง...
ถ้าความรู้สึกจุกแน่นนั้นมันปวดร้าวมากเกินกว่าจะรับได้ก็งอแงอย่างเงียบๆเช่นทารกที่ไร้เหตุผล...
น้ำตาและการร้องไห้มันเป็นเครื่องมือเดียวที่สร้างขึ้นได้ไวและขัดกรองได้ไวที่สุด
โอ้... อ่านมาขนาดนี้ หลายคนอาจจะมองว่าไร้สาระชะมัดเข้าใจคนที่อยากจะไปสู่ความว่างเปล่าได้ดีขนาดนั้นเชียวรึ...?
ถ้าจะให้เราตอบ เราจะตอบว่าเราไม่ได้เข้าใจอะไรขนาดนั้น เพียงแค่พิมพ์ออกมาเฉยๆ จะอ่านไม่อ่านก็แล้วแต่...
แต่สิ่งที่อยากจะถามคือ
"คุณเคยทำตัวไร้สาระครั้งสุดท้ายในชีวิตเมื่อไหร่?" การปลดปล่อย ร้องดังๆ
ไร้สาระ คนบ้าคนหนึ่งในที่เงียบๆของเรา
เพ้อเจ้อ โลกแห่งความว่างปล่า จิตนาการโลกหลังม่านมืด
หรือช่างมันแล้วปล่อยโฮสุดเสียง นั่นคือการทำตัวไร้สาระอย่างหนึ่ง
ถึงมันไมไ่ด้ช่วยได้เยอะ
No comments:
Post a Comment